ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เพราะไม่เพียงเคยสร้างรายได้สูงถึง 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 20% ของ GDP แต่ยังก่อให้เกิดผลประโยชน์ทั้งทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมด้วย
โดยมี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมมองใหม่ มีความหมาย และทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวไทยที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
เมื่อวิสัยทัศน์ของ ททท. คือ ‘การเป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน’ หรือ ‘Strategic Leader in Driving Thailand towards Meaningful and Sustainable Tourism’
โดย ททท. คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในช่วงปลายปี 2567 จะอยู่ที่ 35-36.7 ล้านคน นักท่องเที่ยวในประเทศ 200 ล้านคน-ครั้ง ส่วนรายได้รวมจากการท่องเที่ยวคาดว่าอยู่ที่ 2.7-3 ล้านล้านบาท (ปี 2562 นักท่องเที่ยวจำนวน 39.9 ล้านคน/ปี 2566 นักท่องเที่ยวจำนวน 28.1 ล้านคน)
ในไตรมาส 4 ตุลาคม-ธันวาคม 2567 ททท. คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างประเทศ 9.4 ล้านคน เติบโตขึ้น +16% จากปี 2562 นักท่องเที่ยวในประเทศ 52.95 ล้านคน-ครั้ง เติบโตขึ้น +3% จากปี 2562 คาดการณ์รายได้รวมจากการท่องเที่ยว 683,813 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น +15% จากปี 2562 แบ่งเป็น 427,556 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ 256,257 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวในประเทศ
นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. จึงเผยถึงแนวทางการดำเนินงานว่า ททท. มีวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ คือ 1. มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน (Drive Demand) 2. สร้างคุณค่าและยกระดับห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว (Shape Supply) 3. ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง (Strive for Excellence)
สำหรับด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว ฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และฝ่ายกิจกรรม ทั้งสามฝ่ายทำงานร่วมกันเพื่อสร้างคุณค่าและยกระดับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มุ่งพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ด้วยกลยุทธ์สำคัญที่ผสมผสานระหว่างการกระตุ้นความต้องการ (Drive Demand) และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply)
โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ เพื่อให้เกิดการกระจายตัวในการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการแข่งขันของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของห่วงโซ่อุปทาน และการสร้างความยั่งยืนของการท่องเที่ยวไทย
“การ Shape Supply เพื่อสร้างคุณค่าและยกระดับห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน มีแนวทางการดำเนินงานมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยวจากอัตลักษณ์อย่างยั่งยืน 2. ยกระดับคุณภาพสินค้า บริการ และผู้ประกอบการสู่ความยั่งยืน 3. ผลักดันการพัฒนาสภาพแวดล้อมและการอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมความร่วมมือกับสตาร์ทอัพและภาคเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การเดินทาง เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการจองและการเดินทางที่สะดวกสบาย ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและสมดุลในทุกมิติ นำไปสู่การส่งมอบประสบการณ์สินค้าและบริการที่มี คุณภาพ และมี คุณค่า ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ”
แนวทางการดำเนินงานปี 2568
ในปี 2568 ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว มีแผนการดำเนินการคือ ขับเคลื่อน ‘Krabi Model’ เป็นการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้ายั่งยืนในพื้นที่ต้นแบบ (Sustainable Product Prototype) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความยั่งยืน ใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรธรรมชาติ
โดยจังหวัดกระบี่ จะเป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด BCG มีการดำเนินงาน คือ 1. การสร้างสรรค์สินค้า 2. ผลักดันการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง อาทิ การเชื่อมโยงโครงข่ายการเดินทาง พาหนะท้องถิ่น รถพลังงานไฟฟ้า 3. การพัฒนาลเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า บริการ และผู้ประกอบการสู่ความยั่งยืน ด้วยเกณฑ์รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) 4. การจัดกิจกรรมกรีน อีเวนต์ 5. ชี้นำการลงทุนเพื่อเติมเต็ม Business Supply และ 6. ผลักดันพื้นที่สู่การเป็น Net Zero Pathways ด้วยการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการที่เข้าร่วม CF-Hotels
นอกจากนี้ ยังมีแผนงานที่จะมุ่งผลักดันมูลค่าท่องเที่ยวไทย ผ่าน 5 IN คือ 1. เป็นผู้เชื่อมต่อผู้ประกอบการสู่การสร้างมูลค่า โดยทำธุรกิจร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและพันธมิตร (Tourism Value Chain Integrator) 2. เป็นผู้บ่มเพาะนวัตกรรมท่องเที่ยวสู่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด (Tourism Innovation Incubator) 3. เป็นผู้ชี้นำยุทธศาสตร์การลงทุนภาคธุรกิจบนพื้นศักยภาพสำหรับการลงทุน (Tourism Investment Introducer) 4. เป็นผู้ลงทุน/ร่วมทุนเพื่อเติมเต็มในธุรกิจที่ขาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourims Business Investor) 5. เป็นผู้บริหารทรัพย์สิน ททท. เพื่อเป็นเครื่องมือในการนำร่องการเพิ่มมูลค่าธุรกิจ ท่องเที่ยว (TAT’s Asset Incorporator)
นางจิระวดี กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลจะประกาศให้เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘IGNITE Thailand’s Tourism’ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ด้วยสุดยอดอีเวนต์และสิทธิประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองปีแห่งการท่องเที่ยว แต่ยังเป็นสัญญาณเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้เดินทางมาสัมผัสคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวในประเทศไทยและเกิดความประทับใจ
ซึ่งด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. รับผิดชอบในส่วนของ ‘Grand Festivity’ คือการจัดให้มีกิจกรรมใหญ่ตลอดทั้งปี เพราะจะเป็นจุดขายหลักในการดึงนักท่องเที่ยวพร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ครบทุกช่องทางมากที่สุด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวด้วย Big Event และเป็นการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ World Class Event Hub
อิ่มความสุข สนุกไปกับอีเวนต์ส่งท้ายปีจาก ททท.
เพื่อมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวมุมมองใหม่ๆ ในช่วงปลายปี ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. จึงร่วมมือกับพันธมิตรคุณภาพในการมุ่งสร้างบรรยากาศแห่งความสุข ภายใต้แนวคิด 7 Wonders of Thailand ของเทศกาล Thailand Winter Festivals 2024 เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของกิจกรรมใน 7 หมวดหมู่ ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลแสงสี (Lighting & Illumination) เทศกาลดนตรี กีฬา อาหาร วัฒนธรรม และเทศกาล Countdown ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึง มกราคม 2568
โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อย่างเช่น 1. Vijit Chao Phraya จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 15 ธันวาคม 2567 บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใน 8 พื้นที่หลัก ตั้งแต่ สะพานพระราม 8, อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา กองทัพเรือ, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, สะพานพระพุทธยอดฟ้า, อาคารสุนันทาลัย, ตึกร้าง (ซอยล้ง 1919) และไอคอนสยาม ผู้สนใจสามารถเข้าชมสีสันและบรรยากาศในแต่ละพื้นที่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมุมมองที่เหมาะแก่การชมเป็นเส้นทางล่องเรือเที่ยวแม่น้ำพระยา และริมแม่น้ำตรงข้ามจุดที่ทำการแสดง
- Bangkok Illumination จัดขึ้นวันที่ 17 ธันวาคม 2567 บริเวณจุดท่องเที่ยวไฮไลต์ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เชื่อมโยงถนนพระราม 1 – สุขุมวิท และ 3. Countdown ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งหลายภาคส่วนร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองทั่วประเทศ โดย ททท. กำหนดจัดกิจกรรม 2 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร และ เชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม Sport Tourism สายนักวิ่งมาราธอน ที่ได้มีการจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 7 คือ งาน Amazing Thailand Marathon ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 บริเวณหน้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์และท้องสนามหลวง เป็นการแข่งขันรายการวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวง (Capital City Marathon) ที่ดีที่สุด ติด 1 ใน 3 มาราธอนของทวีปเอเชีย และในปีนี้ยังได้รับเกียรติจาก มิสเตอร์ เอเลียด คิปโชเก้ นักวิ่งมาราธอนชื่อก้องโลกแชมป์โอลิมปิก 2 สมัยชาวเคนยา ร่วมวิ่งในระยะ 10 กม. ประเภทประชาชนทั่วไป ชาย-หญิง
ปัจจุบันมีจำนวนผู้ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมการแข่งขันทั้งสิ้น จำนวน 33,712 คน จาก 77 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ที่สนใจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเดินทางมาร่วมชมการวิ่งของตำนานนักวิ่งมาราธอนโลกในครั้งนี้ มากกว่า 50,000 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนมากกว่า 900 ล้านบาท
พร้อมส่งแคมเปญ ‘สุขทันที ปลายปีเที่ยวไทย’ เป็นโครงการที่ ททท. มุ่งสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงปลายปี ด้วยกลยุทธ์ Celebrity Marketing กับตัวแทน 4 กลุ่ม ได้แก่ ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม ตัวแทนกลุ่มวัยเก๋า, กาย-ฮารุ และครอบครัว เป็นตัวแทนกลุ่ม Multi Generation, วีเจจ๋า ณัฐฐาวีรนุช ตัวแทนกลุ่ม Gen Woman และเจ้านาย จินเจษฎ์ วรรธนะสิน ตัวแทน Gen Z โดยได้รวบรวมที่พักชั้นนำทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง พร้อมส่วนลดสุดพิเศษ สูงสุด 45% ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการและเป็นไอเดียในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลแห่งความสุขช่วงปลายปี ผ่านเว็บไซต์ www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com
“ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านร่วมสัมผัสเสน่ห์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง นับเป็นโอกาสพิเศษในการพักผ่อน เปิดประสบการณ์ใหม่ และสนับสนุนการกระจายรายได้สู่ชุมชน ทั้งในเมืองหลักที่เต็มไปด้วยสีสัน และแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั่วประเทศ” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ปิดท้าย
ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์
